หนังแอคชั่น ต้มยำกุ้งเนื้อเรื่อง เป็นอย่างไร?

หนังแอคชั่น เรื่องราวเกี่ยวกับ ขาม นำแสดงโดย (ทัชชกร ยีรัมย์) ลูกหลานจากตระกูลจตุลังคบาท นักรบป้องกันขาช้างนั้นเอง ได้ถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น ได้ลักลอบเอาช้าง ที่ถือว่าเป็นน้องรักของขามนั้นก็คือขอน และพ่อใหญ่ จึงทำให้เกิดการตามล่า ทวงคืนช้างของเขา ด้วยเกียรติของตระกูล จตุลังคบาท ทำให้เขาเดินหน้าตามหาช้างของเขา จนพบว่าช้างของเขาได้

ถูกพาตัวไปยังซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ทำให้ตัวของขามเอง ต้องเดินทางไปยังซิดนีย์ด้วยตัวเอง จนกระทั่งไปพบเข้ากับ จ่ามาร์ค นำแสดงโดย (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) ที่มาพบกับขามเข้า ระหว่างตรวจตาความปลอดภัย

จึงทำให้ทั้งสองได้สนิทกันในภายหลัง เพียงเพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน การตามตัวช้างของเขานั้น ได้เข้าไปพัวพันกับองค์กร มาเฟียใหญ่ ที่ควบคุมธุรกิจของเถื่อน ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด ผู้หญิง และอาหารที่มาจากสัตว์ต่างๆ ถูกควบคุมด้วย จอห์นนี่ นำแสดงโดย (จอห์นนี่ เหงี่ยน) ด้วยแหล่งข่าวจาก สาวไทยที่ถูกหลอกให้มาขายบริการ ที่ชื่อว่าปลา นำแสดงโดย (บงกช คงมาลัย)

หนังแอคชั่น

ที่มีส่วนเข้าไปพัวพันกับแก็งนี้นั้นเอง ทำให้ขามไม่รอช้าที่จะไปทวงช้างของเขาคืน การบุกเดี่ยวจึงเกิดขึ้น เขาได้ต่อสู้กับลูกสมุนของจอห์นนี่ จนถึงขั้นทำลายแหล่งกบดาน ของเหล่าแก็งนี้ลงได้ และได้พบกับขอนลูกช้างที่ได้ถูกพลัดพรากไป

หลังจากแหล่งกบดานถูกถล่ม จึงยิ่งทำให้องค์กรนี้เกิดความหวั่นใจ หัวหน้าใหญ่ที่มีชื่อว่า มาดามโรส นำแสดงโดย (จิน ซิง) ได้รู้สึกเป็นห่วง งานเปิดตัวที่จะมาถึงนี้ จึงได้รวบรวมยอดฝีมือเข้าไว้ เพื่อตั้งรับขามเอาไว้นั้นเอง ด้วยความมมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือช้าง ที่เหมือนเป็นเครือญาติของเขา ทำให้ขามไม่กลัวการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้น เขาได้เปิดฉากลุยเดี่ยวเข้าไปในงาน และต่อสู้กับคนนับร้อยด้วย

วิชามวยไทยโบราณ คชสาร ซึ่งมีความรุนแรงอย่างมาก แต่แล้วพ่อใหญ่ที่เขาตามหา ได้เหลือเพียงกระดูกเท่านั้น เหล่าองค์กรนี้ได้ทำให้พ่อใหญ่ เหลือเพียงของประดับเท่านั้น จึงทำให้ขามนั้นเสียใจอย่างมาก และได้ถูกลูกสมุนยอดฝีมือของ มาดามโรสรุมจัดการ แต่สุดท้ายแล้วขาม ก็สามารถจัดการกับเหล่าองค์กรนี้ลงได้ ทำให้ข่าวขององค์กรนี้โด่งดังไปทั่ว ขามได้พาขอนกลับมาแทน พ่อใหญ่ที่จากไปแล้วนั้นเอง 

หนังแอคชั่น ต้มยำกุ้งกระแสหลังจากที่หนังฉายเป็นอย่างไร?

หลังจากหนังได้ออกฉายไป เมื่อปี 2005 ภายใต้การกำกับของ ปรัชญา ปิ่นแก้ว เจ้าของผลงานมาสเตอร์พีชอย่าง องค์บาก ที่ได้ประสบความสำเร็จไปแล้วในปี 2003 ทำให้เขาอยากจะกลับมา สานต่อโปรเจคของเขาเอง ที่ครั้งนี้มาในชื่ออาหารไทย ที่มีความเผ็ดร้อน และถือว่าเป็นอาหารไทยที่ขึ้นชื่อ ต่างชาติหลายคนต่างรู้จัก ด้วยเครดิตจากเรื่องที่แล้ว ส่งผลให้ต้มยำกุ้งนั้น

ไปอีกขั้นหนึ่งขององค์บากนั้นเอง โดยเรื่องนี้ลงทุนเดินทางไปถ่ายทำถึง ซิดนีย์เลยทีเดียว เป็นการลงทุนที่มากกว่าเรื่องก่อน ทางด้านเนื้อเรื่องนั้น เข้มข้นไม่น้อยกว่า เรื่องก่อนๆของเขาอีกทั่งยังสร้างชื่อให้ผู้กำกับคนนี้

และตัวโทนี่จาเองอีกด้วย ชื่อเสียงของโทนี่จาเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ก็จากเรื่องนี้ด้วยนั้นเอง ที่เขาสามารถโชว์ศักยภาพของตัวเองได้ออกมาชัด จนทำให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทีมงานรวมถึงทุกแสดง ได้เดินสายโชว์ในอเมริกา หรือ ตามเทสกาลหนังในยุโรปอีกด้วย นับว่าช่วงเวลาดั่งกล่าว คนต่างชาติได้รู้จักวัฒนธรรม รวมถึงความเป็นชาติเรา

ผ่านหนังเรื่องนี้ที่ถือว่าเป็นการ เผยแผ่วัฒนธรรม กระแสของหนังดีเป็นอย่างมาก ถึงกับมีการใช้ชื่อลิขสิทธิ์นี้ ไปทำเป็นเกม หรือแม้ก็กระทั่งฟิกเกอร์ ซึ่งถือว่าชื่อนี้มีอิทธิพลกับประเทศไทย ในช่วงเวลานั้นอย่างมาก ไม่ว่าการที่นักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางมาเที่ยวที่ไทย ถ้าหากไม่สั่งต้มยำกุ้ง ก็เหมือน มาไม่ถึงประเทศไทยนั้นเอง ด้วยความดุเผ็ดร้อนนิเอง จึงทำให้หนังเรื่องนี้ความร้อนแรง ไม่แพ้กับต้มยำที่เป็นอาหาร ประจำชาติของเราอย่างแน่นอน

หนังแอคชั่น

ต้มยำกุ้งมีอิทธิพลกับหนังแอ็คชั่น ต่อๆไปอย่างไร?

ภายใต้ผลงานของผู้กับกับอย่าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว ที่เคยได้สร้างชื่อ องค์บาก ประสบความสำเร็จมาแล้ว ในปี 2003 ที่ได้ผลักดันให้หนังเรื่องนี้ ได้เกิดขึ้นต่อมา ภายใต้โปรเจคที่ชื่อเป็นอาหารไทย ดุ เด็ด เผ็ด ร้อน อย่างต้มยำกุ้ง ที่เอาศิลปะแม่ไม้มวยไทยโบราณ กลับมาทำให้ทุกคนรู้จักกัน และวิถีการเลี้ยงช้างของ ชาวกูย ที่เป็นกลุ่มพรานช้างมาตั้งแต่โบราณ และนำมวยไทยโบราณคชสาน

มาใช้ผสมผสานเรื่องราว ที่เผยแพร่ความเป็นไทย ให้กับคนทั้งโลกได้รู้จัก หลังจากกระแสของต้มยำกุ้ง เป็นที่รู้จักของคนทั้งโลกแล้ว หนังแอ็คชั่นในประเทศไทย นั้นมาถึงยุคเฟื่องฟูอย่างมาก ช่วงเวลานั้นเราจะได้เห็น

หนังแอ็คชั่นที่มีการใช้ศิลปะการต่อสู้ต่างๆ ที่เริ่มมีการผสมผสาน ให้ดูแปลกใหม่แตกต่างกันไป แต่ก็ยังคงให้เรารู้สึกเปรียบเทียบ กับหนังชุดของจา พนม ในช่วงเวลานั้นเอง นอกจากนี้ตัวของจา พนม เองก็ยังเหมือนได้รับโอกาส จากการแสดงหนังเรื่องนี้อีกมาก รวมถึงการได้เริ่มเข้าวงการฮอลีวูด และมีเพื่อนร่วมวงการเดียวกัน ที่เป็นคนต่างชาติอีกด้วย นับว่าเป็นความภาคภูมิใจ

ของคนไทยที่มีนักแสดงเพียงไม่กี่คน ที่ถูกคัดเลือกให้แสดงหนังระดับฮอลีวูด เหตุผลเพราะในยุคนั้นวงการ ยังไม่ได้ฮอลีวูดยังไม่ได้เปิดกว้าง เรื่องนักแสดงเอเชีย ซึ่งมีนักแสดงเอเชียเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่จะประสบความสำเร็จ

ในวงการฮอลีวูดได้ แต่จา พนม สามารถพาตัวเองไปได้ไกล อย่างมาก จากจุดเริ่มต้นเป็นนักแสดงสตั้นแมน มาเป็นนักแสดงระดับท็อปคนหนึ่ง ของไทยเลยก็ว่าได้ ส่วนผู้กำกับ ปรัชญา ปิ่นแก้ว หลังจากนั้น 3 ปี ก็ได้เริ่มต้นโปรเจคใหม่ในทันที

มีชื่อเรื่องว่า ช็อคโกแลต ที่ได้รับแรงบรรดาลใจมาจาก เด็กออทิสติก ทีสามารถจดจำศิลปะป้องกันตัว จากวิดีโอได้ทั้งหมด ซึ่งผู้กำกับท่านนี้นั้นมีสไตล์ การกำกับหนังแอ็คชั่นที่ชัดเจนจริงๆ หนังเรื่องนี้นับว่าถูกจัดให้ขึ้นหิ้ง หนีงแอ็คชั่นไทย ที่ดีอีกเรื่องหนึ่ง

ไอเดียของหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไร?

ไอเดียยังคงดึงความเป็นไทย ออกมาเล่นเหมือนกับ องค์บาก แต่คราวนี้ได้นำมวยโบราณอันเก่าแก่ ที่มีใช้จริงในสงครามยุคสมัยโบราณ นั้นก็คือมวยคชสาน ที่นักรบจตุลังคบาทใช้ปกป้อง ขาช้างให้กับบุคคลสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นขุนนาง หรือพระมหากษัตริย์ ในเวลาทำศึกสงครามนั้นเอง ซึ่งตำแหน่งของนักรบจตุลังคบาท นั้นจะมี 4 คน ที่มีหน้าที่ป้องกันขาช้าง

จากการที่จะถูกข้าศึกฟันได้ บุคคลที่จะถูกคัดเลือกมานั้น จะต้องเป็นผู้มีวิชา 10 อย่าง ไม่ว่าจะเป็นกระบี่ กระบอง มวย เรียกได้ว่าเป็นหน่วยรบพิเศษ ในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้ หนังได้เอามาแต่เพียงมวย ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย และเป็นอาวุธโบราณของคนไทยอีกด้วย นอกเหนือจากนี้ยังได้เอา ชาวกูยที่เป็นชนเผ่าเก่าแก่ ที่เลี้ยงช้างมาอย่างยาวนาน ในแถบจังหวัดสุรินทร์

ครั้งหนึ่งในอดีตนั้นชนเผ่านี้ ปกครองกันเป็นอิสระ จะมีหน้าที่คอยจับช้างป่า มาไว้ใช้งานหรือขาย จนกระทั่งมาถึงช่วงรัตนโกสินทร์ ได้มีการแต่งตั้งหัวหน้าควานช้าง เป็นเจ้าพระยาขึ้นเพื่อในการปกครองนั้นเอง

จึงทำให้ชาวกูยที่เป็นพรานช้าง มีพิธีกรรมอันเก่าแก่มากมาย ที่เป็นความเชื่อเกี่ยวกับช้าง มาตั้งแต่โบราณนั้นเอง หนังเรื่องนี้จึงดูครบรส และตัวละครมีความแข็งแกร่งอย่างมาก ด้วยที่สืบเชื้อมาจากนักรบจตุลังคบาทด้วยแล้ว การเผชิญหน้ากับจำนวนมาก อาวุธครบมือ ด้วยหมัดมวยเพียงอย่างเดียว ก็นับว่าเป็นอะไรที่เท่อย่างมาก

หนังแอคชั่น

สรุปสิ่งที่ได้จากการดูเป็นอย่างไร?

นอกจากฉากแอ็คชั่นที่มีความ ดุเดือด และสมจริง จากการแสดงที่ไม่ใช้ตัวแสดงแทน ทำให้ความต่อเนื่องของแอ็คชั่น ดูมีความสมูทอย่างมากต้มยำกุ้งนั้น  เหมือนเป็นภาคต่อขององค์บาก ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไร แต่ว่ามีเป้าหมายเหมือนกัน คือตามหาสิ่งที่ถูกพรากไป จึงเหมือนเป็นการล่าล้างแค้น ทำให้ดูเป็นพล็อตที่มี ความใหม่ในช่วงเวลานั้นเอง สังคมไทยในช่วงเวลานั้น

กระแสหนังรัก และวัยรุ่นกำลังมีมาก แต่หนังชุดเฟรนไซต์ของปรัญชา ปิ่นแก้ว นั้นได้เขย่าวงการภาพยนตร์ไทย ด้วยหนังแอ็คชั่นที่เป็นกระแสหลัก ในเวลาต่อมานั้นเอง จึงทำให้มองว่าต้มยำกุ้ง มีความดุเดือดเหมือนกับชื่อ

ที่ดูเหมือนเป็นอาหารก็ตาม ด้วยเทคนิกการถ่ายทำ ที่ใช้ทั้งเวลาและการลงทุน จนเกิดเป็นงานที่เพอร์เฟก ออกมาให้เราได้เห็นกัน การทุ่มเทของนักแสดง และทีมงานต่างๆที่ร่วมกันสร้าง หนังเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ ที่ได้เคยสร้างชื่อให้กับประเทศของเรา และเป็นการทำให้พวกเขาได้รู้จักอีกด้วย หากใครที่ชื่นชอบหนังแอ็คชั่น – ดราม่า แล้วละก็เรื่องนี้ไม่ควรพลาด

เกมสยองน่าโหลด

หนังโรแมนติก