หนังโรแมนติก Season Change เนื้อเรื่อง เป็นอย่างไร?

หนังโรแมนติก เรื่องราวเกี่ยวกับ ป้อม นำแสดงโดย วิทวัส สิงห์ลำพอง ที่ชื่นชอบผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมีชื่อว่าดาว นำแสดงโดย ยุวนาถ อาระยา นิมิตสกุล เธอได้เลือกไปเรียนต่อยัง วิทยาลัยดุริยางต์ของมหาวิทยาลัยมหิดล จึงทำให้ป้อมได้ตามเธอมา ด้วยความอยากใกล้ชิดนั้นเอง ป้อมที่มีทักษะการตีกลองอยู่แล้ว จึงทำให้การสอบคัดเลือกนี้ เป็นไปอย่างไม่กดดัน

แต่ตัวของเขาเองต้อง ปิดบังเรื่องที่เขาเรียนต่อดุริยางค์ กับครอบครัวของเขา เพราะครอบครัว คาดหวังตัวของเขาเอาไว้ว่า จะต้องเป็นหมอหรือไม่ก็วิศวะ แต่ป้อมเองเรียกกลับปิดบัง และเลือกเรียนทางสายดนตรี ไปพร้อมกับคนที่เขาชอบนั้นเอง จนกระทั่งตัวของเขารู้ว่า มีลูกของเพื่อนพ่อเขา เรียนที่เดียวกัน ด้วยความระแวงของเขา จึงต้องหานักเรียนคนนั้น เพื่อต้องการปิดบังไม่ให้ครอบครัวรู้นั้นเอง

จนกระทั่งป้อมและอ้อมได้เจอกัน นำแสดงโดย ชุติมา ทีปะนาถ ทั้งสองได้สนิทกันในเวลาต่อมา เพราะมีสิ่งที่ชอบอะไรคล้ายๆกันนั้นเอง ด้วยความที่ป้อมแอบชอบดาว และไม่กล้าที่จะจีบซะที เพื่อนรอบข้างของเขาได้เชียร์

ให้เขานั้นได้ใช้โอกาสต่างๆจีบดาวนั้นเอง โดยที่ป้อมนั้นเริ่มห่างเหินกับอ้อม หลังจากที่เขาได้รู้สึกดาวและสนิทกันมากขึ้น บวกกับการที่เขานั้นต้อง คอยปิดบังคนที่บ้้านเอาไว้ ถึงการเรียนของเขา ที่ไม่ใช่การเตรียมเรียนหมอนั้นเอง

อีกทั้งตัวของเขาเอง ได้รับเลือกให้เล่นอยู่ในวงออร์เครสตรา ทำให้ระหว่างนี้เกิดการกดดัน ทั้งทางวง หัวใจ และที่บ้านนั้นเอง ส่วนอ้อมเองหลังจากที่ ป้อมสนิทกับดาวแล้ว เธอเลือกที่จะเก็บตัวเงียบ และทุกคนมักจะมองว่าเธอ คือตัวปัญหาของวงนี้นั้นเอง แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ป้อมเองไม่อาจปิดบังทุกอย่างเอาไว้ได้ เขาได้บอกความรู้สึกกับดาว และเรื่องที่บ้านพ่อดันรู้เรื่องราวทุกอย่าง

ที่ป้อมเรียนดนตรี ทำให้ป้อมเองเกิดความลำบากใจ ที่ทำให้คนรอบข้างเขา ต่างหันหลังให้กับเขานั้นเอง แต่ท้ายที่สุดแล้ว เขาได้ใช้การแสดงดนตรี ระดับประเทศที่ถูกจัดขึ้น เพื่อพิสูจน์ตนเองให้ใครหลายคนได้เห็น รวมถึงอ้อมเองที่มานั่งร่วมยินดี ไปกับป้อมด้วยนั้นเอง ถึงแม้เขานั้นจะไม่ได้สมหวังกับความรัก แต่เขานั้นก็ได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริง ของเขานั้นเอง

หนังโรแมนติก

หนังโรแมนติก Season Change กระแสเป็นอย่างไร?

หลังจากหนังเรื่องนี้ที่ได้เข้าฉายไปเมื่อ 31 สิงหาคม 2549 หลายๆคนคงสนุกและจดจำ บทเพลงต่างๆที่หนังเรื่องนี้ ได้นำเสนอผ่านการเล่าเรื่องของวัยรุ่น หนังดนตรีในประเทศไทยนั้น มีไม่มากเท่าวงการฮอลีวูด หนังเรื่องนี้จึงเหมือนเป็น เรื่องที่ทำให้ใครๆหลายคน ต่างมีความสนใจในตัวดนตรี เพราะช่วงเวลาหนังที่ฉายนั้น เชื่อว่าใครหลายๆคน จะต้องอยู่ในช่วงเรียนมัธยม

หรือแม้กระทั่งยังเด็กอยู่นั้นเอง ช่วงเวลานั้นหนังได้สื่อสารกับคนดูว่า ความฝัน และ ความรัก เราต้องเลือกมันซะทาง ที่ดีกับตัวเรานั้นเอง การใช้ดนตรีมาเป็นส่วนหนึ่งของหนัง ในการเล่าเรื่องนั้นนับว่าสร้างภาพจดจำ ให้กับคนดูในยุคนนั้น

เพลงดังต่างๆในยุคนั้น ได้ถูกนำมาใช้ในหนังเรื่องนี้ จนเรียกได้ว่าทั้งเพลงและหนัง ดังถล่มทลายไปพร้อมๆกันนั้นเอง ใครหลายๆคนต่างพูดถึง หนังเรื่องนี้ถึงแม้จะผ่านมาแล้วนับ 10 ปี ที่หนังได้ทำหน้าที่มาอย่างยาวนาน ก็ยังคงสต๊าฟความรู้สึกเช่นเดิม เมื่อกลับมาดูอีกครั้งนั้นเอง อีกทั้งยังเป็นหนังดนตรี เพียงไม่กี่เรื่องในประเทศ ที่ประสบความสำเร็จ และเป็นตำนานจนถึงทุกวันนี้นั้นเอง

นอกจากนี้ ได้สร้างฝันให้กับเด็กในยุคนั้น ในการรวมกันทำวงดนตรี เพียงเพราะว่าเป็นสิ่งที่ ทำให้ใครหลายๆคนต่างสนใจนั้นเอง จากคนที่ในโรงเรียนไม่มีใครรู้จัก หากเล่นดนตรีในงานของโรงเรียนแล้วละก็

จะกลายเป็นคนที่ทุกคนในโรงเรียน ต่างรู้จักได้นั้นเอง นับว่าเป็นเอฟเฟคที่เกิดจากหนังเรื่องนี้ ที่ทำให้ฝันของใครหลายคน ในช่วงเวลานั้นกลายเป็นนักดนตรี ที่ประกวดภายในโรงเรียน และงานประกวดที่รู้จักกันดีอย่าง ฮอตเวฟนั้นเอง หนังเรื่องนี้จึงเหมือนเป็น แรงบัลดาลใจให้กับใครหลายคน ในการเล่นดนตรีนั้นเอง

Season Change มีอิทธิพลกับคนดูอย่างไร?

หนังได้พาตัวเองไปถึงจุดสูงสุดเลยก็คือ รางวัลสุพรรณหงส์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , สาขานักแสดงนำหญิง และสาขาบันทึกเสียงยอดเยี่ยม นับว่ามีรางวัลเป็นตัวการันตี ความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ อีกทั้งยังกวาดรายได้ไปกว่า 71.8 ล้านบาท นับว่าค่าเงินในยุคนั้น มีค่าเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ด้วยความที่เป็นหนังดนตรีรักวัยรุ่น จึงทำให้เข้าถึงผู้คนได้ง่าย และมีเพียงไม่กี่เรื่อง ที่เป็นหนังดนตรีนั้นเอง จึงทำให้วัยรุ่นหรือใครหลายๆคนในยุคนั้น ต่างรู้สึกอินกับบรรยากาศในหนังด้วยนั้นเอง เป็นการเล่าเรื่องราวชีวิตของ

วัยรุ่นในยุคช่วงต้นปีสองพันนั้นเอง และด้วยการแสดงของนักแสดง ได้ชวนให้เห็นถึงความธรรมชาติ ของวัยรุ่นคู่หนึ่งที่มีชีวิต แบบเดียวกับคนทั่วไป และมักจะประสบปัญหาแบบเดียวกัน กับที่บ้านนั้นเอง เรื่องความฝันของเด็กคนหนึ่ง

ที่ครอบครัวคาดหวังให้เป็นอย่างอื่น ความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ อยู่ภายใต้การกำกับของ คุณนิธิวัฒน์ ธราธร เป็นผลงานของค่าย GTH ช่วงเริ่มต้นด้วยนั้นเอง หนังเรื่องนี้ยังได้สร้าง แรงบัลดาลใจให้กับใครหลายคน อันเป็นอิทธิพลของวัยรุ่นในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ ที่ทุกคนจะต้องมีวงดนตรีของตัวเองซะวง เพื่อประกวดงานฮอตเวฟ ที่ปีๆหนึ่งจะมีครั้งหนึ่ง ทำให้เด็กจากทั่วประเทศไทย

เข้ามาประชันฝีมือกัน จนกระทั่งถูกคัดเลือกให้มาเล่นยังคอนเสิร์ตใหญ่ เพื่อให้แฟนๆวงตัดสินจากการเล่นสดนั้นเอง ยุคๆนั้นโซเซียลมีเดีย ยังไม่เป็นที่แพร่หลายเหมือนทุกวันนี้ โลกของอินเตอร์เน็ตยังไม่กว้างเท่าปัจจุบัน

การจะติดตามข่าวนั้นจึงเป็นอะไรที่ ยากพอสมควรได้ยุคนั้น ส่วนมากจะเป็นการบอกต่อ ในการแชร์ข่าวสารต่างๆนั้นเอง หนังได้สร้างไฟให้กับวัยรุ่น ในยุคนั้นให้หันมาเล่นดนตรีกันมากมาย รวมถึงนับว่ายุคนั้นเป็นยุคทองของวงการเพลงไทยเลยทีเดียว ศิลปินมากมายที่เติบโตจาก เวทีการประกวดฮอตเวฟนี้นั้นเอง ทุกคนจึงมองว่าเวทีการประกวดนี้ เป็นเหมือนเป้าหมาย

ของการเป็นศิลปินในยุคนนั่นนั้นเอง เหมือนกับหนังเองที่ตัวละคร รู้สึกผลักดันและพยายาม ในสิ่งที่ชอบจนสามารถพิสูจน์ ตัวเองให้ใครหลายคน รู้จักตัวตนของเขานั้นเอง เพราะในยุคนั้นผู้ใหญ่มักปลูกฝัง ค่านิยมอาชีพนักร้องนักดนตรีว่า

เป็นอาชัพเต้นกินรำกิน อนาคตไม่ชัดเจน จึงเหมือนเป็นการปิดกั้นความฝันของเด็ก ทั้งที่เขานั้นมีความสามารถในสิ่งนั้นอยู่แล้ว จึงทำให้ใครหลายคน จะต้องมีชีวิตที่อยู่ในกรอบของผู้อื่นมาตลอดนั้นเอง จนทำให้ชีวิตของเรานั้น กลับมารู้สึกว่ามันไม่ใช่ของเรา ในสิ่งที่เราควรจะเป็นนั้นเอง หนังนี้นับว่าเข้ามาในจังหวะ ที่สังคมไทยกำลังเผชิญ กับการถูกพรากความฝันไป เพราะถูกคนอื่นกำหนดและมองว่า

สิ่งที่เขาเป็นคนเลือกแล้ว ก็ต้องถูกต้องแล้ว แต่นั้นกลับกลายเป็นการ เป็นกั้นความสามารถของเด็ก ในสิ่งที่เขาควรจะเลือกความฝันของตัวเขาเอง นับว่าหนังเรื่องนี้ได้สร้าง อิทธิพลภายในใจของใครหลายคน ในช่วงเวลานั้นที่ได้ดูกัน จนกลายเป็นหนังในดวงใจ ของใครหลายคนจนมาถึงทุกวันนี้นั้นเอง

ไอเดียของหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไร?

วัยรุ่นในยุคนั้นต่าง เผชิญกับการแข่งขันสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอนาคตของตัวเอง หรือการสอบเอนทรานซ์มหาวิทยาลัย ทำให้ทุกคนต่างเผชิญกับ ความฝันที่ไม่แน่นอน และถูกบังคับจากผู้ใหญ่ ในเส้นทางเดินของชีวิต รวมถึงช่วงเวลาของวัยรุ่น ที่ทุกคนต่างสัมผัสรสชาติชีวิตมอปลาย ในการทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงความรักในวัยเรียน ล้วนเป็นวัตถุดิบในการปั้นไอเดีย ของหนังเรื่องนี้

อีกทั้งจุดเด่นของหนังเรื่องนี้เลยก็คือ ดนตรี จะขาดสองคนนี้เลยไม่ได้ ที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีเสน่ห์ในตัวของมัน ก็คือคุณ บุญรัตน์ ศิริรัตนพันธ์ และหัวลำโพงริดดิม ในขณะที่ดูทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในงานคอนเสิร์ตจริงๆนั้นเอง

ทำให้ซาวแทร็คภายในเรื่องนั้น ทำให้คนดูรู้สึกอินไปกับ บทเพลงของหนังได้นั้นเอง อีกทั้งหนังที่เกี่ยวกับดนตรีในช่วงเวลานั้นมีไม่มาก จึงทำให้คนดูในเวลานั้น รู้สึกถึงความแปลกใหม่ และอินไปกับเนื้อเรื่อง ได้อย่างต่อเนื่องทั้งเรื่องนั้นเอง 

หนังโรแมนติก

สรุปสิ่งที่ได้จากการดูSeason Change เป็นอย่างไร?

นับว่าเป็นหนังเรื่องหนึ่ง ที่สร้างความประทับใจให้กับใครหลายคนในอดีต รวมถึงบทเพลงที่อยู่ในหนังเรื่องนี้ ได้กลับมาดังอีกครั้งในช่วงเวลานั้น หนังได้เล่าถึงสิ่งที่วัยรุ่นยุคนั้น ทำกันเป็นกระแสนั้นเอง ยิ่งถ้าเป็นคนที่เกิดทันในยุคนั้นแล้วละก็ จะต้องทำให้นึกถึงเรื่องราวในอดีต อย่างแน่นอน ด้วยหนังที่เล่าช่วงเวลาที่เกี่ยวกับวัยรุ่น และความฝันของเด็กวัยรุ่น คนหนึ่งที่ต้องสู้กับความกดดัน

ทางสังคมและครอบครัว ที่ผลักดันให้เขานั้นเป็นสิ่งที่ถูกบังคับ แต่หนังกลับพาตัวละครฉีกกฎต่างๆ และเลือกทำตามสิ่งที่หัวใจปรารถณา ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้หญิงที่ชอบก็เถอะ หนังได้สร้างทางเลือกให้กับตัวละครตลอดทั้งเรื่อง

เราจะได้เห็นสิ่งที่คนๆหนึ่ง เลือกที่จะทำตามสิ่งที่ตนต้องการ โดยที่ไม่ถูกใครบังคับนั้นเอง หากใครที่ชอบหนังดนตรี และชีวิตรักวัยรุ่นละก็ ห้ามพลาดหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน จึงทำให้มองว่า Season Change ได้สร้างความทรงจำให้กับ

ใครหลายๆคนในยุคต่อมา ที่ชื่นชอบในดนตรีและการประกวดนั้นเอง และยังเป็นไอคอนของยุคสมัย วงดนตรีเด็กนักเรียน การประกวดวงดนตรี หรือความสามารถในประเทศ เริ่มมีมากขึ้นอีกทั้งมีการสนับสนุนอีกด้วย ศิลปินหลายคนก็เติบโตมาจาก การประกวดมาแล้ว ทั้งนั้น จึงเป็นหนังที่สร้างแรงบัลดาลใจ ที่ดีอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

หนังไซไฟ 2021

เกมดีน่าโหลด