รีวิวหนังรางวัลออสการ์ Gravity มี เรื่องราวเป็นอย่างไร?

รีวิวหนังรางวัลออสการ์ เรื่องราวเกี่ยวกับ นักบินอวกาศหญิง ที่ชื่อว่าไรอัน นำแสดงโดย (แซนดรา บลูล็อก) รับหน้าที่ซ่อมแซมสถานนีอวกาศ กับนักบินอวกาศชายอีกคน ที่ชื่อว่า แมตต์ นำแสดงโดย (จอร์จ คลูนีย์) ทั้งสองได้ทำการซ่อมแซมสถานนีอวกาศ แต่กลับได้รับรายงานว่า มีกลุ่มขยะอวกาศกำลังโคจร มาทางที่เขาอยู่ แต่ด้วยความโกลาหล

ของไรอันที่มีปัญหาชุด จึงทำให้ขยะอวกาศ ที่ล่องลอยอยู่นั้นเข้าปะทะ กับสถานนีอวกาศ จนทำให้เธอนั้นต้องดิ้นรน เอาตัวรอดในสภาวะไร้น้ำหนัก และการปะทะของขยะอวกาศ ที่พุ่งชนใส่สถานนีจนเกิดความเสียหาย

ทำให้เธอล่องเลยอยู่ในอวกาศอยู่ชั่วครู่ จนกระทั่งแมตต์ได้ใช้เจ็ตแพ็ค เข้ามาช่วยไรอันไว้ทัน และได้ส่งเธอไปต่อยัง สถานนีอวกาศนานาชาติ ที่อยู่ห่างจากเธอแต่ว่าต้องคำนวน การโคจรของขยะอวกาศที่

จะวกกลับมาเล่นงานพวกเขาอีกครั้ง ทำให้การเดินทางไปยังสถานทีอวกาศนานาชาติ จึงเป็นไปอย่างยากลำบาก ด้วยเชื้อเพลิงที่มีอยู่จำกัด ทำให้แมตต์ได้เสียสละเครื่องเจ็ตแพ็ค

ให้กับไรอันได้ไปต่อยังสถานนีอวกาศนานาชาติ ทำให้เธอนั้นเหมือนรู้สึกขาด คนที่พึ่งพาได้ในยามวิกฤติ จึงทำให้เธอต้องรอดกลับไปยังโลกให้ได้ หลังจากที่ทั้งคู่แยกกันไปแล้ว

ไรอันเมื่อเข้าไปยังสถานนีอวกาศนานาชาติ แต่แล้วกลุ่มขยะอวกาศที่ทำลาย สถานนีอวกาศของไรอันไป ได้รวมกันเป็นกลุ่มขยะอวกาศขนาดใหญ่ เข้าพุ่งชนสถานนีอวกาศนานาชาติ

ที่ไรอันอยู่กับนักบินอวกาศชาวรัสเซีย นำแสดงโดย (แบเชอร์ ซาเวจ) ทำให้ไรอันต้องใช้ยานเสินโจวของจีน ที่จอดเทียบท่าอากาศยานอยู่ เมื่อเธอรอดมาได้คนเดียว ทำให้เธอที่อยู่ในยานต้อง

รวบรวมสมาธิและความกล้าในการ พาตัวเองลงสู่พื้นโลก ด้วยภาษาภายในยานเป็นภาษาจีน จึงทำให้เป็นอุปสรรคหน่อย แต่เธอก็สามารถพาตัวเอง ลงสู่พื้นโลกได้อย่างปลอดภัย ถึงแม้จะเป็นภาวะที่ก้าวผ่าน ความตาย มาแล้วก็ตาม

รีวิวหนังรางวัลออสการ์

รีวิวหนังรางวัลออสการ์ Gravity สะท้อน กับคนดูอย่างไรบ้าง?

หลังจากที่หนัง ได้ฉายออกไปแล้ว ได้ประสบความสำเร็จ ทางด้านคำวิจารณ์ และรายได้จากบ็อกออฟฟิศทั่วทั้งโลก ภายใต้การกำกับของ อัลฟอนโซ กัวรอน นับว่าหนังเรื่องนี้ ได้สร้างปรากฎการณ์ให้กับโลกอีกครั้ง เพราะการถ่ายทำหนังเรื่องนี้ ใช้เทคนิค Long take ในการถ่ายทำจึงทำให้งานภาพนั้น ออกมาดูเหมือนกับอยู่ในเหตุการณ์จริง

รวมถึงซาวด์ประกอบของหนัง ที่ดูมีความเหมือนจริง เมื่อเวลาเราอยู่ในอวกาศ เราได้รู้สึกถึงความเงียบในจักรวาล และรับรู้ได้ถึงความเหงา เมื่ออยู่ตัวคนเดียวในอวกาศ ที่ไร้สิ่งมีชีวิตนั้นเอง ด้วยสไตล์การกำกับ

ของอัลฟอนโซ เขามักชื่นชอบเทคนิค การถ่ายทำแบบ Long take ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์หนึ่ง ในผลงานของเขา ซึ่งเทคนิคนี้นับว่าเป็นสิ่ง ยากในการทำงาน เพราะเป็นการแช่กล้องเป็นเวลานาน

ให้ตัวละครและเนื้อเรื่องดำเนินไป และยิ่งถ้าเป็นหนังยาวสองชั่วโมงเต็ม นับว่าต้องใช้ความต่อเนื่องอย่างมาก เพื่อให้หนังออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด แต่ว่าในการ Long take ของหนังเรื่องนี้

ได้มีความแยบยลในการ ต่อเนื่องของหนัง ถึงแม้จะเป็น Long take การตั้งกล้องเฉยๆ แต่ว่าการแสดงนั้นต้องมีการหยุดพัก จึงทำให้ต้องคัทในจังหวะ ที่มุมกล้องต่อเนื่องกันทั้งเรื่อง

ทำให้หนังเรื่องนี้ถูกจัดว่าเป็นงานที่ละเอียด ในการสร้างอย่างมาก อีกทั้งหนังเองยังได้ทำหน้าที่ กับคนดูให้ติดตามตลอดเวลา และมีช่วงให้คนดูหยุดหายใจ กับสิ่งที่ตัวละครพบเจอ เรียกได้ว่าทำให้คนดูลุ้นกับหนัง วินาทีต่อวินาทีเลยทีเดียว

รีวิวหนังรางวัลออสการ์

Gravityประสบความสำเร็จ อย่างไรบ้าง?

นอกจากรายได้และคำวิจารณ์ หนังเรื่องนี้ได้พาเข้าชิงรางวัลออสก้า ครั้งที่ 86 ในปี 2014 เข้าชิงทั้งหมด 10 สาขา นับว่าเก็บเกือบทุกตำแหน่ง และยังเก็บรางวัลใหญ่ ตามเทศกาลหนังทั่วโลกในปีนั้นอีกด้วย นับว่าเป็นหนังที่ประสบ ความสำเร็จอย่างมาก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่อง ที่เป็นมาสเตอร์พีช ของผู้กำกับอัลฟอนโซ ที่ภายหลังต่อมา

เขาได้กลับมาทำหนังยังบ้านเกิดของเขา ในชื่อเรื่องว่า Roma ฉายแล้วในปี 2018 ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเหมือนกันที่ ได้รางวัลยกย่องว่าเป็น หนังยอดเยี่ยมแห่งปี เลยก็ว่าได้ อัลฟอนโซนั้นดูเป็นคนที่น่าสนใจ

มากขึ้นหลังจากเรื่อง Gravity ประสบความสำเร็จ จึงทำให้ชื่อของชายคนนี้โด่งดังไปทั่วทั้งโลก ด้วยความที่เขานั้นดูเข้าใจ ความเป็นมนุษย์อย่างมาก ทางด้านความรู้สึก จากการถ่ายทอดผ่านตัวละคร

ในมุมมองของผู้กำกับคนนี้ ที่ทำให้เรารู้สึกกับมัน ได้มากขึ้นกว่าการเป็นหนัง และด้วยเทคนิค Long take อันเป็นเอกลักษณ์ ที่ยิ่งทำให้หนังดูสมจริงมากยิงขึ้น ราวเหมือนกับเราได้เห็นเหตุการณ์จริง

ถือว่าเป็นงานที่สร้างจินตนาการ อวกาศได้ดูสมจริงในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง และด้วยตัวหนังยังแฝงปรัชญา หลายๆอย่างไว้ภายในเรื่อง ที่พูดถึงชีวิตเมื่อต้องดิ้นรน หาทางออกให้ตัวเองซะอย่าง

มีอยู่ให้เราเลือกแค่สองอย่างคือ สู้ หรือ ไม่ก็ยอมแพ้ ภายในเรื่องได้สร้างสภาวะแรงกดดัน ให้กับตัวละครเอกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง แถบลุ้นระทึกอยุ่ตลอดเวลา หนังเรื่องนี้จึงเป็นมากกว่า หนังอวกาศทั่วไป แต่นี้มันคือหนังชีวิตเลยก็ว่าได้

รีวิวหนังรางวัลออสการ์

กระแสของหนัง Gravity เป็นอย่างไร?

หลังจากความสำเร็จในปี 2014 และเหมือนเป็นการเปิด ศักราชของหนังอวกาศ หลายๆเรื่องต่อมาในเวลาเดียวกัน จึงทำให้กระแสหนังอวกาศกลับมาอีกครั้ง และยังทำให้หนังอวกาศหลายๆเรื่อง ประณีตกับฉากอวกาศกันหลายเรื่อง เพื่อให้ดูมีความโดดเด่นเฉพาะกัน จึงเหมือนกับว่า Gravity ได้สร้างวัฒนธรรมบ้างอย่าง เกี่ยวกับหนังอวกาศหลายๆอย่าง

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมุมกล้อง หรือใช้ฟิสิกส์มาอ้างอิง เพื่อทำให้หนังดูน่าเชื่อถือมากขึ้น เพื่อให้ผู้ชมสัมผัสกับความรู้สึกในอวกาศ นอกจากนี้ Gravity เองยังเหมือนเป็นหนังชั้นครู อีกเรื่องที่เหมาะแก่การศึกษาอีกด้วย

ถึงแม้หนังจะทำหน้าที่มาแล้ว 7 ปี แต่ก็ยังเป็นหนังที่มีคนพูดถึงกันอยู่ ถึงแม้เวลาจะผ่านล่วงเลยมา หนังเรื่องนี้ก็ยังคงเป็นอมตะ ไปกับโลกภาพยนตร์เหมือนกับ เรื่องอื่นๆที่เป็นตำนานอย่างแน่นอน

ต้องยกเครดิตให้กับ อัลฟอนโซ กับการทำงานของเขา ที่ได้สร้างผลงานที่เป็นตำนาน ไว้หลายเรื่องด้วยกัน จึงเหมือนกับว่าเขานั้น เป็นสายหนังรางวัลโดยแท้จริง เมื่อเขาทำหนังเมื่อไร

กระแสในวงการจะเริ่มจับตามอง และคาดหวังเสมอว่าจะได้เจออะไรใหม่ๆ จากชายคนนี้ จึงเหมือนกับว่าชื่อของเขา ได้การันตีหลายๆอย่าง ในวงการภาพยนตร์อีกด้วย เขาได้สร้างสรรค์ผลงานของเขา

ในรูปแบบงานศิลปะ ที่เป็นภาพเคลื่อนไหว จึงไม่แปลกที่จะทำให้เขาดู โดดเด่นในทางสายรางวัล และสปอตไลท์มักจะส่องลงมาที่เขาเสมอ เมื่อเขาเคลื่อนไหวในวงการเสมอ

สิ่งที่ได้จากการดูหนังเรื่องนี้ มีอะไรบ้าง?

หนังได้ให้อะไรกับคนดูหลายอย่างมาก นอกจากเราได้เห็นการเอาตัวรอด ของไรอันในอวกาศที่ไร้แรงโน้มถ่วง เรายังรับรู้ได้ถึงสิ่งที่หนังแฝงแนวคิดเอาไว้ ถึงชีวิตที่เราต้องพบเจอกับอุปสรรค ของชีวิตหลายๆอย่างที่เข้ามา จนทำให้คุณรู้สึกเคว้งคว้าง เหมือนล่องลอยในอวกาศ จึงเหมือนกับคุณพบกับปาฎิหารย์ในชีวิต ที่เรียกว่าโอกาสนั้นเอง

มักจะเข้ามาให้คุณต้องเลือก เดินทางไปต่อเพื่อชีวิตของคุณ ซึ่งในหนังนั้นได้ให้อุปสรรคกับตัวละครอยู่ตลอดทั้งเรื่อง แต่มันก็มีจังหวะที่ให้ตัวละคร ได้เลือกว่าจะทำยังไงต่อ ถึงแม้จะต้องโดดเดี่ยว

ในความว่างเปล่านอกโลก อีกสิ่งหนึ่งที่มนุษย์มีเหมือนกัน คือสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ในท้ายที่สุดแล้ว สมองของเราก็จะมีแผนสำรองเสมอ เมื่อเวลาเจอกับเหตุการณ์ ฉุกเฉินต่างๆ

เรามักจะมีทางออกให้เราเสมอ แค่ให้เราต้องเลือกเท่านั้น จึงบ้างทีเราอาจได้เจอ ทางเลือกแย่ๆในสมอง เมื่อเวลาเรารู้สึกท้อแท้ แต่ทว่าในชีวิตมันก็ยังมีอะไรอีกมาก ที่เรายังไม่รู้และไม่อาจคาดเดาได้

เหมือนอย่างในเรื่อง ที่ถึงแม้ตัวละครจะยอมแพ้ไปแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสเข้ามาให้ตัวละคร ได้สู้ต่อจนกระทั่ง สามารถพาตัวเองกลับมายังโลกได้ ซึ่งเหมือนการเล่าถึงชีวิต ที่อย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆ

ถึงแม้จะเจออุปสรรคยิ่งใหญ่ซะแค่ไหน ใครหลายคนอาจกำลังเจอปัญหา แบบเดียวกับที่ไรอันเจอ ก็ขอให้มีสติกับสถานการณ์ ที่เจอในหลายๆเรื่อง ทางออกมันก็จะมาพบกับเราเองในไม่ช้า จึงทำให้รู้สึกว่า หนังเรื่องนี้ให้คุณค่าทางภาพยนตร์ และเหมือนเป็นหนังชีวิต ที่ให้กำลังใจเราในชีวิตจริงอีกด้วย

จึงทำให้มองว่า Gravity เป็นหนังอวกาศที่ให้ข้อคิด กับคนดูหลายๆอย่าง ดูได้จากรางวัลที่เป็นตัวการันตี ถึงผลงานที่เป็นตำนานอีกเรื่อง ไว้ให้กับวงการภาพยนตร์โลก ที่จะต้องมีการพูดถึงไปอีกนาน อย่างแน่นอน หากใครที่ชื่นชอบหนัง ไซไฟ – ระทึกขวัญ นับว่าเรื่องนี้ไม่ควรพลาดอย่าง แน่นอน

รีวิวหนังเกาหลี

เกมมันน่าโหลด